อาหารป้องกันโรคอาหารที่ป้องกันโรคในชีวิตประจำวันในญี่ปุ่น
โดยชาติชาย ธรรมธนารักษ์
จากโรคภัยไข้เจ็บในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาทิ โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร, โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงต่าง ๆ เป็นต้น จึงทำให้มีการพัฒนาอาหารที่รับประทานแล้วสามารถป้องกันโรคดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้น และมีอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ และหลากหลายชนิด เช่น โยเกิร์ต, น้ำมันที่ใช้ทอดเทมปุระ, หมากฝรั่ง และซุป เป็นต้น
อาหารที่สามารถจะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บในชีวิตประจำวันนั้นได้เริ่มแพร่หลายออกวางจำหน่าย และยังขายได้ดีอีกด้วย ไม่เพียงแต่มีผลใช้ป้องกันโรคเหล่านี้ที่ทำให้ต้องถูกจำกัดพฤติกรรมในการบริโภคอาหาร แต่ยังเป็นอาหารที่ "ทานแล้วช่วยป้องกัน" ที่เป็นจุดเด่นของอาหารเพิ่มขึ้นอีก สำหรับราคานั้นอาจจะสูงกว่าอาหารปกติ 3 - 4 เท่า แต่สิ่งที่ได้รับจากคุณค่านั้นก็เพิ่มมากด้วย และเป็นที่นิยมกันมาก ทีนี้เรามาดูกันว่าอาหารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการป้องกันโรคกันได้อย่างไร
|
โยเกิร์ตที่ทำลายแบคทีเรีย Helicobacter pylori ในกระเพาะอาหาร
ในเดือนมีนาคม ปี 2000 ที่ผ่านมา บริษัท เมจิผลิตภัณฑ์นม ได้วางจำหน่ายโยเกิร์ต "Provio Yogurt LG21" ซึ่งขายดีมากมียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก POS ของหนังสือพิมพ์ Nippon Keizai ได้จัดอันดับยอดขายของสินค้าประจำสัปดาห์เมื่อเดือนพฤษภาคมนั้นในหมวดอาหารถูกจัดให้อยู่ในอันดับหนึ่ง และพบว่าอยู่ในอันดับหนึ่งเป็นระยะเวลานานถึง 13 สัปดาห์ต่อเนื่อง
![]() รูปที่ 1 : ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต LG 21 | สาเหตุที่อาหารนี้เป็นที่นิยมเนื่องจากมี Lactic acid bacteria (LG21) ซึ่งสามารถที่จะทำลายแบคทีเรีย Helicobacter pylori ที่เจริญเติบโตอยู่ในกระเพาะอาหารได้ ซึ่ง Helicobacter นี้มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร, โรคกระเพาะอาหารอย่างฉับพลัน, แผลในกระเพาะอาหาร, แผลในสำไส้เล็กส่วนบน และนอกจากนี้สถาบันในสังกัดองค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) ที่ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งยังได้ประกาศว่าแบคทีเรียชนิดนี้เป็นประเภทที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารอีกด้วย กล่าวกันว่า "คนญี่ปุ่นมีแบคทีเรีย Helicobacter pylori อยู่มากกว่าคนยุโรป" ในการพัฒนาสินค้านี้ทาง บริษัท เมจิผลิตภัณฑ์นม จึงได้นำไปใช้อ้างอิงและร่วมพัฒนาค้นคว้ากับหน่วยงานที่วิจัยยาและProfessor Koga แห่งภาควิชาโรคจากการติดเชื้อมหาวิทยาลัย Tokai พบว่าชาวญี่ปุ่นนั้นมีเชื้อ Helicobacter pylori อยู่ประมาณ 60 ล้านคนหรือประมาณครึ่งหนึ่งของประชากร และคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปจะพบเชื้อนี้มากกว่า 70% จากการวิจัยของ Professor Koga "โดยปกติคนที่มีสภาพของกระเพาะอาหารที่ไม่ค่อยดี และเคยเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารในอดีตนั้นมีเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ทั้งนั้น" |
วิธีการที่ทำลายเชื้อ Helicobacter pylori นั้น โดยการใช้ยาปฏิชีวนะ แต่เนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะในการทำลายแบคทีเรียนั้น มีค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ค่อนข้างสูงและกลัวกันว่าจะเกิดการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรีย ในญี่ปุ่นเฉพาะคนที่เป็นโรคเท่านั้นจึงจะใช้ยาปฏิชีวนะ ดังนั้น ทีมงานของ Professor Koga จึงได้ศึกษาวิธีที่มีต้นทุนถูกในการควบคุมเชื้อ Helicobacter pylori และได้ค้นพบว่า Lactic acid bacteria สามารถที่จะทำลายเชื้อ Helicobacter pylori ได้ แต่ปัญหาก็อยู่ตรงว่าตำแหน่งที่เชื้อ Helicobacter pylori นั้นเจริญเติบโตอยู่ในกระเพาะอาหารที่มีสภาวะที่เป็นกรดสูงซึ่งไม่มีแบคทีเรียชนิดอื่นที่จะทนอยู่ได้ เนื่องจาก Helicobacter pylori มีเอนไซม์ urease ซึ่งย่อยสลายสารประกอบ urea ได้ จะย่อยสลายเยื่อบุผนังของกระเพาะอาหารให้เป็นแอมโมเนียซึ่งเป็นผลให้กรดที่หลั่งในกระเพาะอาหารเป็นกลาง จึงทำให้มีชีวิตอยู่ได้
จึงทดลองใส่ Lactic acid bacteria ที่สามารถทนอยู่ในกระเพาะอาหารได้เป็นเวลานานในปริมาณลงในกระเพาะอาหาร และก็ยังทดลองนำแบคทีเรียที่มีความสามารถที่จะติดกับเยื่อบุผนังกระเพาะอาหารได้ง่ายอีกด้วย โดยการคัดเลือกเชื้อแบคทีเรียสายพันธ์ที่ บริษัท เมจิ-ผลิตภัณฑ์นม มีอยู่กว่า 200 ชนิดมาทดลอง ผลประสบ-ความสำเร็จก็คือ เชื้อ Lactobacillus gazeri สายพันธ์ 21 (LG21) โดยที่ Lactic acid bacteria ส่วนใหญ่จะตายภายในเวลา 2 ชม. เมื่ออยู่ในกระเพาะอาหาร เทียบกับ LG 21 แล้วจะอยู่ได้นาน 3 -5 ชม. และยังมี activity ในกระเพาะอาหารอีกด้วย เหตุผลในการที่มาใช้ทำโยเกิร์ตก็คือ โยเกิร์ตนั้นเป็นของเหลวและค่อนข้างจะติดกับเยื่อบุผนังกระเพาะอาหารได้ง่ายและสำหรับการเคลื่อนตัวภายในกระเพาะอาหารแบบ Peristaltic ที่มีระยะเวลาที่หยุดตัวเป็นช่วงนั้นมีความเหมาะสม อย่างยิ่ง มีผลการทดลองจริงกับคนที่มีเชื้อ Helicobacter pylori 30 คนให้ทานโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของ LG21 90 กรัม วันละ 2 ครั้ง หลังจากที่ทานเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าในจำนวน 26 คนมีเชื้อ Helicobacter pylori ลดลง และเยื่อบุผนังกระเพาะอาหารที่เป็นร่องแตก ก็มีสภาพดีขึ้น (ดูกราฟ1 ) พบว่า จำนวน Helicobacter pylori มีจำนวนลดลงเหลือเพียง 1 /10 และจากผลการทดลองนี้ยังพบว่า 3 คนไม่มีเชื้อ Helicobacter pylori เลย และ ส่วนใหญ่ที่พบก็คือ ระดับที่เชื้อลดลงอยู่ในระดับที่คงที่ | ![]() รูปที่ 2 : Lactic acid Bacterial ในกระเพาะอาหาร |
ดังนั้นจึงแนะนำให้ทานโยเกิร์ตนี้ทุกวันติดต่อกัน และสำหรับบริษัท เมจิผลิตภัณฑ์เองก็ได้อำนวยความสะดวกในการวางเส้นทางที่จะขนส่งกระจายสินค้าให้มากขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนสิงหาคม ปี 2000 เป็นต้นมา

กราฟที่ 1 : แสดงปริมาณ Helicobacter ก่อนและหลังการให้โยเกิร์ต LG-21
หมายเหตุ : ให้ทานโยเกิร์ต ครั้งละ 90 กรัม วันละ 2 ครั้ง
น้ำมันที่ทำให้ไขมันดูดซึมได้ยาก
โรคอ้วนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอื่น ๆ ได้ง่าย ดังนั้นคนอ้วนจึงพบว่ามีโอกาสเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนที่น้ำหนักตัวปกติถึง 5 เท่า โรคความดันโลหิตสูงและโรคเก๊าต์ 2.5 เท่า โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ 2 เท่า และข้อมูลจากกระทรวงสาธารณะสุขญี่ปุ่นได้เปิดเผยว่าทุก ๆ ปีมีคนญี่ปุ่นที่เป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้น เมื่อเดือนกุมพันธ์ ปี 1999 บริษัท คาโอ ได้วางขายน้ำมันที่ใช้ประกอบอาหารสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องโรคอ้วน ชื่อผลิตภัณฑ์ "Health Ekona Cooking oil" ซึ่งทำให้ดูดซึมไขมันได้ยาก สำหรับราคาขายปลีกในร้านนั้นสูงกว่าน้ำมันปกติ 3 - 4 เท่า ทางบริษัท คาโอได้วางเป้าหมายยอดขายในปีแรก, ปี 2 , ปี 3 ถึง 3 - 4 พันล้านเยน แต่เมื่อปีที่แล้วมียอดขายถึง 8 พันล้านเยน (มูลค่าค้าปลีก) ซึ่งสูงกว่าที่วางเป้าหมายถึงเท่าตัว
![]() รูปที่ 3 : ผลิตภัณฑ์ Ekona | เหตุใดน้ำมัน Ekona จึงทำให้ไขมันดูดซึมได้ยากนั้น เป็นเพราะเป็นไขมันที่ในน้ำมันปกติไม่มีเป็นส่วนประกอบ คือ Diglyceride ซึ่งเป็นไขมันที่ในโครงสร้างโมเลกุลของกรดไขมันน้อยกว่า 1 chain ใน Triglyceride และทั้ง Triglyceride และ Diglyceride จะถูกย่อยในลำไส้เล็กและดูดซึม แต่หลังจากที่ดูดซึมแล้ว Triglyceride จะถูกเปลี่ยนให้เป็นส่วนของโครงสร้างของ neutral fat แบบเดิม อีกซึ่งจะเป็นก้อนไขมัน ในขณะที่ Diglyceride เมื่อถูกย่อยแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างกลับไป ดังนั้นจึงถูก metabolite ในตับและในกล้ามเนื้อหมด (ดูรูป 4) ความจริงแล้วปกติ Diglyceride มีอยู่ปริมาณเล็กน้อยในน้ำมันที่ใช้ประกอบอาหาร และมีการค้นพบนานมาแล้ว และการที่ไม่มีกรดไขมัน 1 chain ในโครงสร้างของ Triglyceride ทำให้มีคุณสมบัติในการละลายน้ำสูง จึงใช้เป็น emulsifier แต่หากไม่ทราบถึงคุณสมบัติของการเป็นไขมันที่ดูดซึมยาก บริษัท คาโอได้ค้นพบคุณสมบัตินี้ จึงได้นำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการค้าขึ้น เมื่อได้วิเคราะห์หาปริมาณ neutral fat ในเลือดหลังจากทานอาหาร พบว่ามีปริมาณเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับการใช้ไขมันชนิดอื่น และยิ่งบริโภคเป็นเวลานานเท่าไรประสิทธิภาพก็จะดีขึ้นเท่านั้น ได้ทำการ clinical test โดยที่ใช้น้ำมัน Ekona เพื่อสุขภาพนี้โดยไม่จำกัดอาหารอะไรเลย พบว่าค่า neutral fat ในเลือด, ขนาดของเอว, factor ที่มีผลทำให้เลือดแข็งตัวได้ง่าย คือ PAI-1 มีปริมาณลดลง ไขมันใต้ผิวหนังก็มีปริมาณลดลง, Cholesterol ที่ให้คุณมีปริมาณเพิ่มขึ้น (ดูกราฟ 2) นอกจากนั้นถ้าหากใช้บริโภคเป็นเวลานานแล้วมีผลยืนยันว่ามีการ metabolite ไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย Mr. Ando แห่ง Health care research Lab #1 ของคาโอ ได้ยืนยันว่า "น่าจะมีผลในการกระตุ้นการ metabolite ไขมัน" และนอกจากนั้นยังมีการวิจัยที่มหาวิทยาลัย Gunma พบว่าลดท้องอืดท้องเฟ้ออีกด้วย ผลจากการทำ clinical test ได้ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข โดยจัดเป็นทั้งอาหารและมีผลเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารชนิดอื่นที่ใช้น้ำมันนี้ออกจำหน่ายอีก เช่น มาการีน จากบริษัท นมตราสโนว์แบรนด์ ชื่อ "Neosoft E Blend" บริษัท Hagoro ได้ออกผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าในน้ำมันชื่อ "Sea Kitchen L flake" สำหรับบริษัท ยามาซากิ ออกขนมปังชื่อ " E roll" |

กราฟ 2: การเปลี่ยนแปลงความยาวเอวหลังจากที่ใช้ Ekona เป็นเวลา 1 ปี
หมายเหตุ : ทดลองกับชาย 95 คน

รูปที่ 4 : เปรียบเทียบ Mechanism ของการ Metabolism
ยุคที่เคี้ยวหมากฝรั่งแล้วฟันไม่ผุ
![]() รูปที่ 5 : ผลิตภัณฑ์หมากฝรั่ง | สมัยก่อนจะพูดกันว่าหมากฝรั่งเป็นต้นสาเหตุอันหนึ่งของฟันผุ แต่คำกล่าวนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วเมื่อ 3 ปี ก่อนที่จะเริ่มใช้สารให้ความหวาน คือ Xylitol ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันฟันผุ เมื่อวันที่ 17 เมษายน ปี 1997 กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นได้ประกาศรับรองให้ Xylitol เป็นวัตถุเจือปนในอาหาร และ 1 เดือนหลังจากนั้น บริษัท ล็อตเต้ ได้วางจำหน่ายหมากฝรั่งชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของ Xylitol และหลังจากนั้นเป็นต้นมาได้มีผู้ผลิตหลายรายใส่ Xylitol ลงในหมากฝรั่งขายเป็นผลให้ตลาดหมากฝรั่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน มีมูลค่าตลาดหมากฝรั่งทั้งหมดมีถึง 3 หมื่นล้านเยน ซึ่งในจำนวน ? ของมูลค่าตลาดนั้นเป็นความต้องการของหมากฝรั่งชนิดนี้ในขณะที่ผู้บริโภคยังคงมีความต้องการอยู่คงที่ และในเดือนพฤษภาคม ปี 2000 นี้เอง มีสินค้าใหม่เข้ามาในตลาด คือ หมากฝรั่ง Recaldent ซึ่งมีส่วนผสมในการป้องกันฟันผุซึ่งออกมาแข่งซึ่งเป็นของบริษัท เวอเนอร์แลมเบิอร์ก Recaldent นี้มีส่วนผสมของสารที่ช่วยในเรื่อง Remineralization เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ ก่อนที่จะเล่าถึงการทำงานของ Xylitol และ Recaldent นั้นต้องอธิบายกลไกของการเกิดฟันผุ (Dental Caries) เสียก่อน ฟันผุเกิดขึ้นจากหลังทานอาหารแล้วน้ำตาลที่เหลืออยู่ในปากจะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียที่มีอยู่ในปาก ทำให้เกิดกรดขึ้น ซึ่งโครงสร้างที่อยู่ที่แข็งที่สุดของร่างกายนั่นคือ ชั้นนอกสุดของฟันที่เป็นสารเคลือบฟัน (Enamel) ซึ่งส่วนนี้จะไม่ทนทานต่อกรด |
ที่สุด เมื่อแบคทีเรียปล่อยกรดออกมา สารเคลือบฟันจะถูกละลายเอาแคลเซี่ยมและฟอสเฟตออก ทำให้เกิดเป็นรูกลวงขึ้นภายในส่วนในของฟัน ปฏิกิริยานี้คือ Demineralization ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของการเกิดฟันผุ แต่ในร่างกายของคนนั้นจะมีกลไกป้องกันโดยในน้ำลายคนจะมีแคลเซียมและฟอสเฟตซึ่งมีบทบาทในการผกผลันปฏิกิริยากลับ เรียกว่า Remineralization ถ้าหากความเร็วของการ Remineralization ตามการเกิด Demineralization ไม่ทันแล้วจะเกิดฟันผุขึ้น การที่ Xylitol สามารถที่ควบคุมการทำงานของแบคทีเรียที่เกิดฟันผุได้นั้น เนื่องจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุนี้จะไม่มีเอ็มไซม์ที่ใช้ย่อย Xylitol จึงไม่สามารถดูดซึมเหมือนน้ำตาลได้ และ Xylitol ในแบคทีเรียจะไปตัดขั้นตอนการสร้างกรด และความหวานของ Xylitol นี้ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายทำให้แคลเซี่ยมมาจับส่วนบนของฟันมากขึ้น ซึ่งกล่าวได้ว่าทำให้เกิดการ Remineralization

รูปที่ 6 : ผลการเกิด Remineralization ซึ่งสูงกว่าปกติถึง 2 เท่า
Recaldent (CPP-ACP) นั้นเป็นสารประกอบเชิงซ้อนของ CPP (Casein phoshopetide) และ ACP (Amorphous Calcium phosphate) CPP จะทำหน้าที่ขนส่งแคลเซี่ยมและฟอสเฟตที่มีอยู่ใน ACP ให้แพร่เข้าไปในฟันอย่างคงที่ ซึ่งเป็นการเสริมการเกิดปฏิกิริยา Remineralization สำหรับบริษัทล็อตเต้เองไม่เพียงแต่จะทำตาม Recaldent แล้วแต่หากยังค้นคว้าหาสารที่เพิ่มคุณสมบัตินี้ต่อไป สำหรับสารที่มีประสิทธิภาพมากก็คือ Fluoride แต่ในญี่ปุ่นห้ามใช้ Fluoride ในอาหาร ดังนั้นล็อตเต้จึงเริ่มต้นลองสกัดสารต่าง ๆ จากชา แต่ในที่สุดมาหยุดอยู่ที่สาร Funoran ที่สกัดได้จากสาหร่าย Funori ซึ่งช่วยในการเกิด Remineralization อย่างที่ทราบกันแล้วว่าแคลเซี่ยมและฟอสเฟตช่วยเสริมการ Remineralization แต่หลังจากที่ได้ทดสอบนำ Funoran เติมลงใน แคลเซี่ยมไดฟอสเฟต การทดลองนี้ทำในหลอดแก้ว พบว่าเกิดการ Remineralization ได้ถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับหมากฝรั่งที่เติมเฉพาะ Xylitol และจากผล clinical test ยืนยันได้ว่าสามารถเกิดการ Remineralization ได้เพิ่มขึ้นถึง 10% ล็อตเต้เองได้ใส่แคลเซี่ยมไดฟอสเฟตลงในหมากฝรั่งอยู่แล้ว และทาง Mr. Kano แห่งฝ่ายวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้บอกว่า "บอกได้เลยว่าผล clinical test ต่าง ๆ นั้นยืนยันได้ว่ามีผลดี และบริษัทจะทำให้ออกมาเป็นสินค้าได้อีกไม่นานนี้"
ซุปที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลสูงในเลือด
โรคที่พบทั่วไปในชีวิตประจำวันนั้นจะลืมเสียมิได้ก็คือ โรคเบาหวาน เนื่องจากคนในปัจจุบันนั้นหันมารับประทานอาหารที่ย่อยและดูดซึมได้ง่าย ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้รับประทานมากเกินไปและน้ำตาลจึงถูกดูดซึมมากเกินไป ทำให้ค่าน้ำตาลในเลือดหลังทานอาหารนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีผลทำให้ตับอ่อนต้องหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมามากเพื่อที่ลดน้ำตาลในเลือดลง และการที่ตับอ่อนต้องหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมากบ่อย ๆ เข้า จึงทำให้ตับอ่อนเกิดการล้าและมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง จากนั้นน้ำตาลจึงมีเหลือสะสมอยู่ในปริมาณมาก ทำให้ต้องขับออกมาทางปัสสาวะ และจะไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนที่เป็นโครงสร้างของหลอดเลือดกับไต ทำให้หลอดเลือดและไตเสื่อมไปที่ละเล็กทีละน้อย และอาการนี้คือโรคเบาหวานนั่นเอง ในการป้องกันน้ำตาลในเลือดสูงนั้นต้องทำการควบคุมการเพิ่มของระดับน้ำตาลในเลือดทันทีอย่างรวดเร็วหลังจากทานอาหาร และสิ่งที่ทำให้เป็นไปได้ก็คือซุปของบริษัท Nisshin Flour Mill ซึ่งได้วางออกจำหน่ายเดือนกรกฎาคม ปี 2000 ที่ผ่านมา ชื่อว่า "Gluco Design" ซึ่งมีส่วนผสมของ Wheat albumin 0.19 โดยจะทำหน้าที่ยับยั้งเอ็นไซม์อะไมเลสที่ทำการย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล ดังนั้นเมื่อรับประทานพร้อมกับอาหารแล้วจึงสามารถควบคุมการเพิ่มของระดับน้ำตาลในเลือดได้ผล Clinical test ได้ยืนยัน (ดูกราฟ 3) และกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นได้รับรองว่า Wheat albumin 0.19 เป็นสารที่ใช้ใน "อาหารที่กำหนดเป็นอาหารสำหรับสุขภาพ" | ![]() รูปที่ 7 : ผลิตภัณฑ์ซุปป้องกันน้ำตาลในเลือด |

กราฟ 3 : การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากรับประทานอาหารปกติ และอาหาร + wheat albumin 0.19
Wheat albumin 0.19 เป็นโปรตีนที่สกัดจากข้าวสาลี และตัวของมันเองก็สามารถถูกย่อยสลายและดูดซึมได้ และการดูดซึมใช้เวลา 2 ชม. ดังนั้นหมายความว่าจะทำหน้าที่แค่ 2 ชม.เท่านั้น และเนื่องจาก peak สูงสุดของระดับน้ำตาลในเลือดจะเกิดหลังจากทานอาหาร 1 ชม. ดังนั้น จึงพอเพียงที่จะทำหน้าที่ของมันได้ นั่นก็คือไม่มีผลเสียในเรื่อง "การยับยั้งเอ็นไซม์อะไมเลสเป็นเวลานาน จนก่อผลเสียกับระบบการย่อยอาหาร" ซึ่งกล่าวโดย Mr. Suzuki แผนก Health care ของบริษัท Nisshin Flour Mill ซุปนี้เป็นอาหารที่สามารถทานได้ทุกวันแต่ที่จริงแล้ว บริษัท Nisshin Flour Mill ได้ผลิต Wheat albumin 0.19 ออกมาเป็นเม็ดวางขายเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเหมาะสมสำหรับคนที่เดินทางและเป็นลักษณะคล้ายยาที่ไม่ใช่อยู่ในรูปของซุป และสินค้าทั้งสองนี้ก็วางขายในช่องทางการจำหน่ายแบบแค็ทตาล็อก (ขายตรง) เท่านั้น
เท่าที่ได้แนะนำมานั้นก็เป็นสินค้าใหม่และสินค้ายอดฮิต ปัจจุบันนี้มีหลายบริษัทใหญ่ที่จะผลิตอาหารที่ป้องกันโรคในชีวิตประจำวัน เช่น วันที่ 1 เมษายน บริษัท อะยิโนะโม๊ะโต๊ะก็ได้ประกาศ "ทีมค้นคว้าวิจัยเรื่องสารอาหารเพื่อสุขภาพ" ก็จะกลายเป็นสินค้าสาขานี้ต่อไป ดังนั้นในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะมีการแข่งขันในเรื่องอาหารที่ป้องกันโรคในชีวิตประจำวันนี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
แปลและเรียบเรียงจากวารสาร Nikkei Business21 สิงหาคม 2000
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น