ในยุคของการแข่งขัน ที่เรากำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน ชีวิตมีความรีบเร่งมากขึ้น จนไม่ค่อยมีเวลาที่จะให้ความสำคัญกับเรื่อง ความสมดุลของอาหารที่รับประทานรวมทั้งค่านิยมการรับประทานอาหารแบบตะวันตก ซึ่งประกอบด้วย เนื้อสัตว์ ไขมัน นม เนย เป็นส่วนใหญ่ ทำให้คนไทยมีโรค ซึ่งเกิดจากการกินดีเกินไป เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคอัมพาต ซึ่งโรคเหล่านี้ล้วนเกี่ยวกับความเสื่อมของหลอดเลือด
ในปัจจุบันชาวตะวันตกเริ่มตระหนักถึงพิษภัยของการกินอาหาร ซึ่งไม่สมดุลได้มีการชัดชวนให้ลดการรับประทาน เนื้อสัตว์ นม เนย ให้เพิ่มการรับประทาน พืช ผัก และธัญญพืช ซึ่งอุดมด้วยเส้นใยจากธรรมชาติ และไวตามิน
ในวันเด็ก เนื้อสัตว์และนม ยังเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากร่างกายมีการเจริญเติบโตในวัยผู้ใหญ่ร่างกายต้องการโปรตีนลดลง การรับประทานเนื้อสัตว์ และนมมากเกินไปยังทำให้ร่างกายได้รับไขมันเพิ่ม เนื่องจากในเนื้อสัตว์และนมจะมีปริมาณไขมันค่อนข้างสูง นอกจากนั้นยังพบว่า ผู้ที่รับประทานเนื้อสัตว์มาก ๆ มีโอกาสเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้สูควรเปลี่ยนแปลงมารับประทานโปรตีนจากพืชพวกถั่วแทน
อาหารอีกกลุ่มซึ่งไม่ควรรับประทานมากเกินไป คือ น้ำตาล พบว่าน้ำตาลทำให้หลอดเลือดมีความเสื่อมเร็วขึ้น ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีน้ำตาลสูงจะพบว่าหลอดเลือดแก่ก่อนวัย ไขมันก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรจำกัด และใช้น้ำมันจากพืชแทน น้ำมันจากสัตว์ ยกเว้นน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์มควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีโคเรสเตอรอลสูง
อาหารที่ควรรับประทานคือ ผัก ผลไม้ ธัญญพืช เช่น ข้าวซ้อมมือ ถั่ว เพราะอุดมไปด้วย กากใยธรรมชาติ ไวตามิน และเกลือแร่
สุขภาพของเราขึ้นกับกรรมพันธุ์ การออกกำลังกายและอาหาร เราควรเริ่มเอาใจใส่กับอาหารที่รับประทานเสียแต่วันนี้ รอให้เกิดโรคก่อนอาจไม่ทันการ

ในปัจจุบันชาวตะวันตกเริ่มตระหนักถึงพิษภัยของการกินอาหาร ซึ่งไม่สมดุลได้มีการชัดชวนให้ลดการรับประทาน เนื้อสัตว์ นม เนย ให้เพิ่มการรับประทาน พืช ผัก และธัญญพืช ซึ่งอุดมด้วยเส้นใยจากธรรมชาติ และไวตามิน
ในวันเด็ก เนื้อสัตว์และนม ยังเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากร่างกายมีการเจริญเติบโตในวัยผู้ใหญ่ร่างกายต้องการโปรตีนลดลง การรับประทานเนื้อสัตว์ และนมมากเกินไปยังทำให้ร่างกายได้รับไขมันเพิ่ม เนื่องจากในเนื้อสัตว์และนมจะมีปริมาณไขมันค่อนข้างสูง นอกจากนั้นยังพบว่า ผู้ที่รับประทานเนื้อสัตว์มาก ๆ มีโอกาสเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้สูควรเปลี่ยนแปลงมารับประทานโปรตีนจากพืชพวกถั่วแทน
อาหารอีกกลุ่มซึ่งไม่ควรรับประทานมากเกินไป คือ น้ำตาล พบว่าน้ำตาลทำให้หลอดเลือดมีความเสื่อมเร็วขึ้น ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีน้ำตาลสูงจะพบว่าหลอดเลือดแก่ก่อนวัย ไขมันก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรจำกัด และใช้น้ำมันจากพืชแทน น้ำมันจากสัตว์ ยกเว้นน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์มควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีโคเรสเตอรอลสูง

ใครที่ต้องการอยากหายเครียดฟังทางนี้อาหารช่วยคุณได้ ก่อนจะเผลอตัวหยิบอาหารอะไรก็ได้เข้าปาก นัยว่ากินเพื่อระบายความเครียด ลองไปดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างที่ช่วยคลายเครียดได้จริง
ข้าว-ขนมปัง
เมื่อร่างกายได้รับแป้งหรือสารอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรต จะไปเพิ่มปริมาณสารเคมีในสมองที่มีชื่อว่า “เซโรโทนิน” ให้มากขึ้น ซึ่งเจ้าสารตัวนี้จะออกฤทธิ์ให้สมองสงบลง ดังนั้นหลังจากกินอาหารอิ่ม ๆ เราจึงรู้สึกผ่อนคลายและสบาย แต่ถ้ากินมากเกินไปจากที่สบายหายเครียดก็จะเป็นง่วงนอนแทนเอาได้ ส่วนของหวานที่กินทีไรแล้วรู้สึกสบายใจหายเครียดทุกทีไป อย่างไอศกรีม น้ำหวาน ขนม ฯลฯ ก็เป็นเพราะว่าน้ำตาลในของหวานนั้นกลายเป็นแป้ง แล้วก็ไปเพิ่ม “เซโรโทนิน” ให้สมองนั่นเอง ถึงจะทำให้คลายเครียด แต่ถ้าเผลอกินมากเกินไปน้ำหนักก็จะอาจจะพุ่งพรวดเป็นของแถมได้ด้วย
ช็อกโกแลต
นอกจากจะมีน้ำตาลหวาน ๆ กินทีไรชุ่มคอชื่นใจแล้ว ในช็อกโกแลตยังมีสารธีโอโบรมีนและสารฟีนิลเอธิละมีน ที่จะช่วยให้คนกินเกิดความครื้นเครง แถมไขมันในช็อกโกแลตยังเพิ่มปริมาณ “เอนโดรฟีน” ฮอร์โมนแห่งความสุขในสมองให้มากขึ้นด้วย ฟังแบบนี้พวกสาวกช็อกโกแลตคงดี๊ด๊ายินดีกันถ้วนหน้า ขอบอกว่าของแบบนี้ต้องยึดสายกลางเข้าไว้ กินแต่พอดี ไม่งั้นเกิดปัญหา “อ้วนจังตังค์หมด” มาโทษกันไม่ได้นะ
กล้วยหอม
นึกไม่ถึงใช่ไหมล่ะว่ากล้วยหอมจะมีคุณสมบัติพิเศษอย่างนี้ด้วย อย่าลืมว่าในกล้วยหอมนั้นมีแมกนีเซียมและวิตามินบี 2 ซึ่งเป็นสารอาหารทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและระบบประสาททำงานได้ดี คราวนี้ก็คงถึงบางอ้อกันแล้วซินะว่า ทำไมหม่ำบาบาน่าสปลิททีไร เดินสบายใจออกจากร้านไอศกรีมทุกทีไป
นมอุ่น ๆ
พอพูดถึงนม หลายคนคงนึกถึงแคลเซียมก่อนเป็นอย่างแรก แต่ในนมยังมีวิตามินบี 2 และวิตามินดีที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และถึงจะไม่มีสารที่ช่วยให้สมองผ่อนคลายโดยตรง แต่การดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนก็จะช่วยให้หลับสบายขึ้น เพราะฉะนั้นใครที่เครียด กังวลจนนอนไม่หลับ อย่าลืมนึกถึงนมอุ่น ๆ สักแก้ว (ถ้ากลัวไขมันให้เลือกแบบ Low Fat Non Sugar) ถ้าเครียดครั้งต่อไป ก่อนจะเผลอหยิบอะไรเข้าปาก ให้เดินสายกลางสักนิด รู้จักเลือกกินอย่างถูกต้อง และพอเหมาะ ก็จะช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลได้ดีขึ้น
ไข่นกกระทาหมูสับกุ้ง

ส่วนผสมมีดังต่อไปนี้ค่ะ ไข่นกระทา หมูสับ กุ้ง ผักกวางตุ้ง ผักชี
วิธีการทำ ไข่นกกระทาหมูสับกุ้ง เตรียมหมูสับ โดยคลุกและปรุงรสชาติได้ตามต้องการ แล้วจึงล้างกุ้ง นำหัวกุ้งออก ให้เหลือแต่ตัวกุ้ง แล้วจึงนำกุ้งใส่ลงภาชนะใบเล็กให้พอดีกับตัวกุ้ง หลังจากนั้นจึงนำหมูสับที่ปรุงรสเรียบร้อยแล้วมาใส่ลงถ้วย ที่มีกุ้ง อยู่ก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นจึงต๋อยไข่นกกระทาใส่ลงไปในอีกที เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย จึงนำลงไปในซึ่งนึ่ง ให้สุกโดยปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีเพื่อให้สุกโดยทั่วถึง หรือถ้าใครชอบแบบทอดก็ สามารถนำไข่นกกระทาหมูสับที่นึ่งแล้วไปทอดต่อโดยตั้งน้ำมันให้พอดี แล้วจึงนำไข่นกกระทาลงไปทอดให้เหลืองทอง เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ที่แสนอร่อยแล้วล่ะค่ะ อาจจะทานเป็นของว่าหรือจะทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไม่แพ้กันอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ
ต้มยำไข่น้ำ

ส่วนผสมมีดังต่อไปนี้ค่ะ ไข่ไก่ 3 ฟอง น้ำซุปไก่ 1 ลิตร ข่า 1 ชิ้น ตะไคร้ 2 ต้น ใบมะกรูด 5-6 ใบ รากผักชี 1 ราก พริกขี้หนูแดง 10-15 เม็ด เห็ดฟาง 100 กรัม น้ำมะนาว 6 ชต. น้ำปลา 4 ชต. น้ำตาลทราย 2 ชช. เกลือป่น 2 ชช. น้ำมันปาล์ม 5 ชต.
วิธีทำต้มยำไข่น้ำ โดยจะเริ่มจากการ ทุบรากผักชีพอแตก จากนั้นหั่นข่า ตะไคร้เตรียมไว้ ตามด้วยฉีกใบมะกรูด และผ่าครึ่งเห็ดฟางกับพริกขี้หนูแดง ต้มน้ำซุปไก่ให้เดือด เติมรากผักชี ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนูแดง ต้มให้เดือด ประมาณ 10 นาที ระหว่างที่ต้มเครื่องต้มยำอยู่ ให้เติมน้ำมันปาล์มลงในกระทะอีกใบ รอให้ร้อนค่อยตีไข่ให้แตกและนำไข่ลงทอดจนเหลืองน่ารับประทาน หั่นไข่ให้ได้ 6 ชิ้น พักไว้ ปรุงรสในหม้อต้มยำด้วยน้ำปลา น้ำตาล เกลือ เติมเห็ดฟางลงไปต้มต่ออีก 2-3 นาที ปิดแก๊สแล้วจึงเติมน้ำมะนาว คนให้เข้ากันค่อนเติมไข่ลงไป ตักเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยใบผักชี เป็นอันเสร็จ
พายผัก

ส่วนผสมของตัวแป้งได้แก่ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทรายป่น 1 ช้อนโต๊ะ เนยสด 1-2 ช้อนโต๊ะ น้ำเย็น 3 ช้อนโต๊ะ ไข่แดง ไข่ไก่ 1 ฟอง
ส่วนผสมของไส้มีดังต่อไปนี้ หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วยตวง เนยสดสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ แครอทหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วยตวง ถั่วแขกหั่นสี่เหลี่ยม 1/4 ถ้วยตวง เมล็ดข้าวโพดหวานสองสีต้มสุก 1/4 ถ้วยตวง บีทรูทหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วยตวง ผักโขมหั่นลวกสุก 1/4 ถ้วยตวง แฮมหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วยตวง เกลือ พริกไทยป่น ซอสปรุงรส
วิธีการทำ เริ่มจากการเตรียมแป้งพาย โดยผสมแป้งสาลี เกลือ น้ำตาล เนยเข้าด้วยกัน ใช้ส้อมคนไปมา อย่าให้แป้งเป็นเม็ด ใส่น้ำเย็นนวดเบาๆ พอเข้ากัน คลึงแป้งเป็นแผ่นหนาประมาณ 1/3 นิ้ว กดเป็นวงกลมเท่ากับพิมพ์ กรุลงในพิมพ์ พักไว้ 5 นาที ใช้ส้อมจิ้มที่ก้นแป้งพิมพ์ ผัดหอมใหญ่ กับเนยให้หอม ใส่แฮม แครอท ถั่วแขก ผัดพอสุก ใส่ข้าวโพด บีทรูท ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ซอสปรุงรส ใส่ผักโขมผัดให้เข้ากัน ตักไส้ใส่ลงในพิมพ์แป้งที่กรุไว้ คลึงแป้งแผ่นหนา 1/3 เซนติเมตร ตัดเป็นเส้นกว้าง 1/2 เซนติเมตร วางสานที่ด้านหน้าผัก ทำจนครอบพิมพ์ ทาด้วยไข่แดงนำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ จนสุกเหลือง ยกออกจากเตา เสิร์ฟอุ่นๆ
อะโวคาโด เกรปฟรุต สลัด ต้านริ้วรอย
เมนูสุขภาพช่วงหน้าร้อนถ้าได้ทานผลไม้ที่คลายร้อยได้ ก็จะช่วยให้ร่างกายนั้นดับร้อนลงได้ดีเดียว และยิ่งผลไม้ที่เรานำมาให้คุณผู้หญิงทานนั้นต้านริ้วรอยแห่งวัยกันด้วย แบบนี้ก็ยิ่งไม่ควรพลาดน่ะค่ะเมนูสุขภาพจากผลไม้คลายร้อน ด้านริ้วรอย เป็นเมนูสุขภาพที่ช่วงวันหยุดแบบนี้ไม่ควรพลาดกันเลยน่ะค่ะ ยิ่งถ้าวันไหนแดดร้อนๆ ด้วยแล้ว เมนูสุขภาพสามารถช่วยให้คุณผู้หญิง และคุณผู้ชายดับร้อนได้ดีเลยล่ะค่ะ แถมผลไม้ที่เรานำมาบอกกันนี้เป็นผลไม้ที่ช่วยต้านริ้วรอยแห่งวัย ทำให้ผิวพรรณดีดีอีกด้วยแบบนี้แล้ว สาวๆ หนุ่มๆ จะพลาดได้ยังไงล่ะค่ะ จริงไหม อะโวคาโด เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมในแถบอเมริกาและยุโรป เพราะมีสารอาหารหลากหลายที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะเป็นแหล่งของกรดไขมันดี คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (Monounsaturated fatty acids) ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ มีคุณสมบัติลดไขมันร้ายในหลอดเลือด เช่น แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ จึงช่วยป้องกันการสะสมของไขมันภายในหลอดเลือด และลดโอกาสเสี่ยงโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และหัวใจวาย งั้นวันนี้เรามีเมนูอะโวคาโด เกรปฟรุต สลัด มาแนะนำกันค่ะ
ส่วนผสมน้ำสลัด •แอปเปิ้ลไซเดอร์ 300 มิลลิลิตร •น้ำมันมะกอก 400 มิลลิลิตร •กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ •น้ำตาล หรือน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา •เกลือ 2 ช้อนชา •พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
ส่วนผสมสลัด •อะโวคาโด 1/2 ถ้วย •เกรปฟรุต 1/4 ถ้วย •ส้มโอ 1/4 ถ้วย •เลมอน 1/4 ถ้วย•สาระแหน่ 2 ถ้วย
วิธีทำ ใส่อะโวคาโด เกรปฟรุต ส้มโอ เลมอน ราดด้วยน้ำสลัดเคล้าเบาๆ ตักใส่ภาชนะ แต่งหน้าด้วยสะระแหน่
เมนูสุขภาพที่เรานำมาฝากอาจช่วยให้คุณดับร้อนลงได้ ยังไงซะการหาผักผลไม้มาทานในช่วยหน้าร้อนจะช่วยให้คุณคลายร้อนได้ดีเลยค่ะ
ซุปฟักทอง

ส่วนผสม มีดังนี้ค่ะ ฟักทอง หั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย หัวหอมใหญ่ หั่นเป็นชิ้นเล็ก 3 ช้อนโต๊ะ เนยจืดก้อนเล็ก 1 ก้อน น้ำซุป 1/2 ถ้วย นมจืด 1/2 ถ้วย
วิธีทำ ดังนี้ค่ะ ฟักทองล้างให้สะอาด แล้วนำไปนึ่งจนสุก ตั้งกระทะ เอาหอมใหญ่ลงไปผัดกับเนย ผัดให้หัวหอมสุกคือมีลักษณะเป็นใสๆ ใส่นมจืดและน้ำซุปลงไป นำเนื้อฟักทองที่นึงสุกแล้วใส่ลงไปในโถปั่น ตามด้วยน้ำซุปและหอมใหญ่ที่ทำไว้ใส่ลงไปปั่นให้ละเอียด เทฟักทองที่ปั่นแล้วกลับลงกระทะ ใช้ไฟอ่อนและปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย รอให้เดือด ตักใส่ถ้วยก่อนเสิร์ฟอาจโรยด้วยขนมปังกรอบชิ้นเล็กๆ
ขนมจีบหมูสับ ไส้ผักรวม

ส่วนผสมขนมจีบหมูสับ ไส้ผักรวมมีดังนี้ค่ะ หมูสับ 2 ขีด แผ่นเกี้ยว 1 ห่อ แครอทสับ 1 ถ้วย เห็ดหอมหรืออาจจะเปลี่ยนเห็ดที่คุณชอบก็ได้นะค่ะ 1 ถ้วย ต้นหอมซอย ½ ถ้วย ข้าวโพด 1 ถ้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง ถั่วงอก
วิธีทำ ขนมจีบหมูสับ ไส้ผักรวม เริ่มจาก นำส่วนผสมทั้งหมดอย่าง หมูบด แครอท เห็ด ต้นหอม ข้าวโพด และไข่ไก่ คลุกเคล้าและนวดให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว น้ำตาล พริกไทย ซอสเห็ดหอม คลุกให้เป็นเนื้อเดียวกันอีกรอบ เพื่อให้ส่วนผสมต่างๆ เข้ากันได้ดี จากนั้นนำไส้ที่เราเตรียมไว้ ใส่ลงแผ่นเกี้ยว โดยจับจีบให้สวยงาม โดยจีบที่คุณต้องการอาจจะเป็น 4 จีบ หรือ 6 จีบ ตามความสวยงาม นำไปนึ่งให้ในน้ำเดือด ประมาณ 5-10 นาที โดยคุณสามารถเพิ่มกลิ่นที่หอมลงไปด้วยการใส่ถั่วงอก เพื่อให้เกิดกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้น หรือถ้าคุณมีใบตอง ก็สามารถ ทำเป็นกระทง แล้วนำขนมจีบนึ่งบนกระทง ก็ได้เช่นกันค่ะ จัดใส่จาน แต่งหน้าให้สวยงามค่ะ จัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
เต้าหู้ลุยสวน

ส่วนผสม มีดังนี้ค่ะ เต้าหู้แข็งหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม ขนาด 2×2 ซม. 1 แผ่น เนสท์เล่คอร์นเฟลกซ์ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ซอสเหยาะจิ้มตราแม็กกี้ 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ มะเขือเทศราชินีผ่าครึ่งลูก 5 ผล แครอทซอยละเอียด ยาว 2 นิ้ว 1/4 ถ้วยตวง ผักกาดแก้ว 3 ใบ ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ หอมแดงหั่น 1 ช้อนโต๊ะ พริกป่น- ½ ช้อนชา ใบสะระแหน่ตามชอบ
วิธีทำเต้าหู้ลุยสวน เริ่มจากนำเต้าหู้ไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด ด้วยไฟกลาง พอสุกเหลืองทั้งชิ้น นำขึ้นจัดใส่จาน พักไว้ ปรุงรสน้ำยำโดยผสม ซอสเหยาะจิ้มตราแม็กกี้ น้ำมะนาว น้ำตาล และน้ำเปล่า คนให้ละลายเข้ากัน แล้วจัดผักกาดแก้วรองจาน ใส่เต้าหู้ มะเขือเทศ แครอท คอร์นเฟลกซ์ ตะไคร้ และหอมแดง ตามลำดับ แล้วราดด้วยน้ำยำ โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ พร้อมรับประทานทันที เหมาะสำหรับเป็นอาหารว่าง ซึ่งเป็นเมนูสุขภาพที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์และทุกคนในครอบครัว เชื่อว่าสำหรับใครที่ไม่ชอบกินเต้าหู้รับรองเมนูนี้จะทำให้คุณติดใจอย่างแน่นอนค่ะ
ชีสห่อกุ้ง ทอดกรอบ เหลืองทอง

ส่วนผสมก็มีดังต่อไปนี้ค่ะ กุ้งสด ชีสแผ่น ไข่ไก่ แป้งทอด เกล็ดขนมปัง ไม้จิ้มฟัน
วิธีการทำชีสห่อกุ้งทอดกรอบ เหลืองทอง เพื่อสุขภาพ เริ่มจากปอกเปลือกกุ้งออกให้หมด ล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นก็หันแผ่นชีสออกเป็น 3 แผ่นเล็กเท่าๆ กันทิ้งไว้ก่อนค่ะ จากนั้นก็นำกุ้งไปคลุกกับแป้งทอด ที่เตรียมไว้ ทั่วตัวกุ้งอย่าให้หนามากเกินไปนะค่ะ แล้วจึงนำแผ่นชีส ที่หันแบ่งไว้มาพันรอบตัวกุ้ง เสียบด้วยไม้จิ้มฟัน นำมาชุบไข่ ให้ทั่ว และจึงนำไปชุปกับแป้งทอดอีกครั้ง นำไม้จิ้มฟันออก นำไปชุปไข่ ให้ทั่ว อีกครั้ง หลังจากนั้นจึงไปคลุกกับเกล็ดขนมปังให้ทั่ว ตั้งกระทะรอน้ำมันให้เดือด แล้วจึงนำกุ้งที่เตรียมไว้ใส่ลงกระทะ รอให้กุ้งสุกเหลืองทอง เมื่อได้กุ้งที่สุกเหลืองทองแล้วนำมาพักไว้ บนกระดาษซับน้ำมัน และจึงจัดใส่จาน
ยำมะระทรงเครื่อง

ส่วนผสม มีดังนี้ต่อไปนี้ มะระจีนครึ่งลูก (คว้านไส้ออก) กุ้งแห้งทอด 1/2 ถ้วย ปลาทูน่าในน้ำเกลือ (เทน้ำเกลือออก) 1 กระป๋อง น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ หอมเล็กซอย 1/2 ถ้วย กระเทียมโทนดองหัวเล็ก 1/2 ถ้วย กระเทียมโขลกพอแหลก 1 ช้อนโต๊ะ ผักชีซอย 1/2 ถ้วย น้ำยำ 1 ถ้วย เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ หั่นมะระจีนเป็นแว่น ลวกในน้ำเดือด ใส่เกลือนิดหน่อย ตักขึ้น แล้วใส่ลงในน้ำเย็น ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ เจียวกระเทียมที่โขลกไว้กับน้ำมันพืชด้วยไฟปานกลางจนหอม จากนั้นใส่ปลาทูน่าลงไป ผัดต่อจนเนื้อปลาแห้ง ตักขึ้น นำมะระที่ลวกแล้ว ปลาทูน่า กุ้งแห้งทอด กระเทียมโทน หอมเล็ก ใส่ชาม ราดน้ำยำ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักขึ้น โรยผักชี พร้อมเสิร์ฟ
ส่วนผสมน้ำยำ น้ำปลา 2 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปึก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ น้ำกระเทียมดอง 2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูซอย 4-5 เม็ด
วิธีทำน้ำยำ เริ่มจากเคี่ยวน้ำปลา น้ำตาลปึก ด้วยไฟปานกลาง จนน้ำตาลปึกละลาย ใส่น้ำกระเทียมดองลงไป เคี่ยวต่อจนค่อนข้างเหนียว พักไว้ให้เย็นเติมน้ำมะนาว และพริกขี้หนูซอยลงไป คนให้เข้ากัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น