รักษาโรคหวัดให้ปลอดภัย

เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วและเริ่มเป็นหวัดง่ายๆและยิ่งคนเป็นภูมิแพ้จมูก มักจะหายใจไม่ค่อยออก ต้องหายใจทางปากแทน ตื่นเช้าขึ้นมาจะอยู่ในสภาพ คนจมูกแดง ปากแห้ง คอแห้ง คันจมูก และจามไม่หยุด สูดน้ำมูกดังฟื้ดๆ ทุกเช้า พ่อแม่คนไหนที่มีลูกเป็นภูมิแพ้คงรู้ดี แต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขได้อย่างไรดีพยายามเป็นพ่อแม่ที่ดีต้มยาไทยยาจีนเป็นหม้อ ลูกๆ ก็ไม่ชอบเบือนหน้าหน่ายหนี จบท้ายด้วยการกินยาแก้อักเสบทุกครั้งไป

Anti-biotic ยาปฏิชีวนะ หรือ ยาแก้อักเสบ แปลตรงตัวว่า สารต่อต้านการดำรงชีวิต ทำหน้าที่ฆ่าและชะลอการเติบโตของแบคทีเรียแบบไม่เลือกหน้า ทั้งแบคทีเรียชนิดที่ดีและแบคทีเรียที่ไม่ดีโดนทำลายไปเสียหมด หลังทานยาเป็นชุดติดต่อกันหลายวัน แต่แบคทีเรียตัวร้ายนั้นสามารถต้านทานยาปฏิชีวนะได้มากกว่า (ดื้อยา) อีกทั้งยังอยู่ในอาหารทุกมื้อที่เรากินเพิ่มเข้าไป สุดท้ายร่างกายของเราก็จะมีแต่แบคทีเรียที่ไม่ดีจำนวนมากเกิน
การใช้ยา ปฏิชีวนะ (ยาฆ่าเชื้อ) ใช้เล็กน้อยพอทนไหว ใช้มากไปสมดุลชีวิตและระบบนิเวศน์ในร่างกายพังทลาย จะไม่ป่วยง่ายๆ ได้อย่างไร ใครที่เป็นหวัดบ่อยๆ แล้วทานยาแก้อักเสบ รักษาอย่างไรก็ไม่หายลองเปลี่ยนวิธีจากการฆ่า มาเป็นการส่งเสริมการเติบโตของแบคทีเรียที่ดีดู
1. โปรไบโอติค (แบคทีเรียที่มีประโยชน์)เช่น น้ำหมักชีวภาพ, จุลินทรีย์ผง, แหนมเห็ด, กิมจิ, แหนมเห็ด, โยเกิร์ตทำเอง

2. พรีไบโอติค (อาหารของจุลินทรีย์ที่ดี) เช่น น้ำผึ้ง, หัวหอม, กล้วยน้ำว้า, ข้าวโอ๊ต, ข้าวกล้อง, น้ำตาลจากผลไม้สดเติมเข้าไปเพื่อเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ดี

80% ของระบบภูมิคุ้มกันอยู่ที่ทางเดินอาหาร แบคทีเรียที่ดีนั้นจะช่วยเป็นแม่บ้านของร่างกาย เก็บกวาดขยะและของเสียโดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ สร้างภูมิคุ้มกันในลำไส้ ไม่ดูดซึมของเสียง่ายๆ และกำจัดออกอย่างต่อเนื่อง ใครที่ไม่มีแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ถือว่าน่าสงสาร ต้องรับกรรมป่วยบ่อยๆ แก้ไขที่ปลายเหตุอยู่ร่ำไป

เมื่อเป็นหวัดแล้ว ลองมารับประทานสมุนไพรเพื่อรักษาอาการหวัดกันดูบ้าง

1. กระเทียม ใช้กระเทียมกลีบเล็ก 1 กลีบ หั่นเป็นชิ้นบางๆ ใช้ช้อนบี้ให้แตก เติมน้ำร้อนลงไป 1 ถ้วยปิดฝาทิ้งไว้ 5 นาที เติมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมตามใจชอบ กินวันละ 2 ถ้วย ถ้าอาการหายแล้วให้กินวันละ 1 ถ้วย อีก 3 วัน หรือมากกว่านั้นหากชอบทานเป็นแบบเม็ดก็ให้ทาน 2-3 เม็ดก่อนนอน ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและช่วยให้หลอดเลือดยืดหยุ่นได้ดี

2.น้ำอุ่น ช่วย ไล่ไอเย็นที่อยู่ในช่องอกออกมาทำให้ไม่เกิดการสะสมไอเย็นจนมีน้ำมูกไหล ทานก่อนนอน 1 ชม. ประมาณ 1 แก้ว และตอนตื่นนอนอีก 2 แก้ว หลังจากการทานไอเย็นอาจจะออกมาทางจมูกและปากทำให้มีน้ำมูกไหล จาม เป็นเรื่องปกติไม่ต้องไปทานยาใดๆ

3.น้ำมันมะพร้าว โมโนลอริน คือ ยาปฏิชีวนะในกรดลอริก ที่มีอยู่ในน้ำในมะพร้าว สามารถต้านทานได้ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ โปรโตซัว และเชื้อไวรัส ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ ทานก่อนอาหาร 1 ช้อนโต๊ะ ทุกๆ มื้อจะช่วยเพิ่มไขมันที่ดีให้กับร่างกายและไม่อ้วนง่ายๆ

4. น้ำขิง เพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกายทำให้ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศและอากาศหนาวไม่ เข้าไปในร่างกายง่ายๆ เลือดไหลเวียนได้ดีก็ช่วยขจัดของเสียออกจากเลือดได้เร็วขึ้น ไม่ต้องออกมาในรูปเสมหะถ้าไม่มีเวลาต้มเองก็ซื้อเต้าฮวยไม่ต้องใส่น้ำตาล กลับไปทานที่บ้านก็ได้ครับ

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ