ร้อนใน
เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และเกิดได้บ่อยไม่แพ้โรคหวัดเลยทีเดียว อาการ จะเกิดขึ้นในช่องปาก แรกสุดจะมีตุ่มแดงขึ้นมา จากนั้นก็จะกลายเป็นเม็ดสีขาว โดยมีขอบเป็นสีแดงนูนออกมา ทำให้เจ็บบริเวณแผล สาเหตุของการร้อนในเกิดจากความเครียด ร่างกายอ่อนเพลีย การนอนดึก การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การมีประจำเดือน การแพ้อาหารหรืออาจเกิดจากการขาดวิตามิน B 12 ธาตุเหล็ก หรือกรดโฟลิก
วิธีป้องกันอาการร้อนใน
1.ควรเลี่ยงการออกไปตากแดดจัดๆ เพราะจะทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น
2. ควรทานวิตามินซีเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง
3.ไม่ควรทานอาหารประเภท มันๆ ทอดๆ เพราะจะเพิ่มความร้อนให้ร่างกาย
4. เลือกกินอาหารที่มีลักษณะเย็น เช่น ทานฟัก แตงโม ส้ม
อาการ
ร้อนใน จะเกิดเป็นจุดแดงหรือตุ่มและต่อมาจะพัฒนาแยกออกมาเป็นแผลเปิด มีลักษณะเป็นสีขาว รูปวงรี โดยมีขอบเป็นสีแดงนูนออกมา มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มม. ซึ่งในบางครั้งอาจจะกว้างถึง 1 ซม. จะมีอาการเจ็บปวดบริเวณแผลระยะเวลาของอาการอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ 1 ถึง 2 สัปดาห์
สาเหตุ
สาเหตุของ”ร้อนใน”ไม่ทราบเป็นที่ชัดเจน แต่ปัจจัยที่มักจะก่อให้เกิด ความเครียด เหนื่อยล้า การนอนดึก การกัดโดน การเปลี่ยนแปลงของ
ฮอร์โมน การมีประจำเดือน การแพ้อาหาร หรืออาจเกิดจากการขาด วิตามิน B12 ธาตุเหล็ก หรือกรดโฟลิค อาจลด และป้องกัน การเกิดแผลร้อนใน ได้ด้วยการไม่รับประทานน้ำในปริมาณมากๆ หลังหรือพร้อมอาหารในทันที ควร รับประทานน้ำมากๆ ระหว่างมื้อแทน เพราะช่วยให้ กรดในกระเพาะอาหารทำงานได้ดีขึ้น และลดโอกาสที่ กรดจะเอ่อล้นขึ้นมาในท่อหลอดอาหาร ซึ่งจะทำให้ระคายเคืองเยื่อบุหลอดอาหารและช่องปาก จนทำให้เกิดแผลร้อนในได้ง่าย
การรักษาแผลร้อนใน
ในปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดที่รักษาแผลร้อนในให้หายขาด โดยไม่ปรากฏอาการเกิดขึ้นมาอีก ดังนั้นการรักษาที่นิยมในปัจจุบันคือ รักษาไปตามอาการโดยให้สเตียรอยด์ชนิดทาเฉพาะที่ เพื่อลดอาการเจ็บและอาการอักเสบ ดังนี้
1.ไทรแอมซิโนโลนอะเซทโทไนด์ ชนิดขี้ผึ้ง 0.1% ทาวันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
2. ฟลูโอซิโนโลนอะเซทโทไนด์ 0.1% สารละลายหรือชนิดขี้ผึ้ง ทาวันละ 3 ครั้ง หลังอาหารหรือ อาจใช้ คลอร์เฮ็กซิดีนกลูโคเนต 0.2 – 1% ใช้อมบ้วนปาก 10 มิลลิลิตร อม 1 นาที วันละ 2 ครั้ง (เช้า – เย็น) หรือหลังอาหาร
สี่งที่ควรทําเมื่อเกิดแผลร้อนใน
หลีกเลื่ยงอาหารเค็มจัดและอาหารที่มีกรดหรือรสเปรื้ยว เช่น ผักดอง รวมไปถึงขนมหวานที่เคื้ยวจนเหนืยว รวมทั้งเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์อาจทําให้อาการแผลในปากที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงขึ้น นอกจากนั้นควรบ้วนปากด้วยนําเกลือวันละ 2 ถึง 3 ครั้ง และถ้าแผลไม่หายภายใน 3 สัปดาห์ควรไปพบแพทย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น